อ่านบทความเกี่ยวกับ ครูสลา คุณวุฒิ ที่นี้ อ้างอิง หนังสือ เพลงชีวิตศิลปินบ้านป่า สลา คุณวุฒิ ของสำนักพิมพ์มิ่งมิตร เขียนโดย ชูเกียรติ ฉาไธสง , คมทัพแสง บรรณาธิการ แคน สาลิกา
AVG Anti-Virus Free Edition 8.5
ไมโครซอฟท์ยืนยัน Windows 7 Release Candidate ออกวันที่ 30 เมษายน
วิธี Activate Windows 7

สรุป Windows 7 ของเล่นใหม่เพียบ มีทั้งดีและไม่ดี แต่ยังไงก็คงต้องปรับปรุงอีก แต่ถามว่าผิดหวังไหม ไม่น่าผิดหวังเท่ากับ Beta Vista ตอนนั้นอยากจะเผาทิ้ง เพราะทั้งช้าและไม่เถียร แต่สำหรับ Windows 7 7000 นี้ ใช้ได้ ไม่เหมือน Vista ช่วงแรกๆ เริ่ม Activate Windows 7 ทำตามขั้นตอนของรูปภาพด้านล้างเลยครับ




การ Activate ผ่านทางโทรศัพท์ 1 ใส่ Key ที่ได้รับจาก Microsoft 25 หลัก เพื่อ Activate กด next 2 เลือกการ Activate ที่ไม่ใช่แบบ Activate Online 3 เลือกประเทศไทย 4โทรไปที่เบอร์ 00180024681668 (อันนี้เบอร์ของไมโครซอฟประเทศไทยคับ..โทรฟรีครับ..จ ากมือถือก็ได้) 5ฟังระบบอัติโนมัติ (กด 4) 6มีพนักงานรับสาย 7แจ้งเลข Activate by Phone ทั้ง 54 ตัว รอๆๆๆ…แป๊บ…กรอกตัวเลข Activate ที่ได้รับแจ้งจากพนักงาน เรียบร้อย
เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 6.1 “เทียนก้อม” เทียนแห่งการเริ่มต้น
- สลา ชักชวนเพื่อนครูหนุ่ม ๆ ไฟแรง ทั้งในโรงเรียนบ้านไร่ขี และโรงเรียนใกล้เคียงที่พอเล่นดนตรีได้
มาทำวงร่วมกัน จุดประสงค์หลักคือ การแสดงต้อนรับแขกจากกรุงเทพฯ ที่จะมาทำบุญทอดผ้าป่า
วัดบ้านนาดีในอีกไม่กี่วัน เนื่องจากไม่มีเงินพอที่จะจ้างคณะหมอลำมาแสดงได้
- “เอาหน่อยนะพวกเรา...นึกว่าช่วยวัดเอาบุญ แล้วก็จะได้ซ้อมมือกันสนุก ๆ ด้วย” สลาบอกเพื่อน
ครูด้วยกัน... ในใจคิดว่าคงมีแค่งานนี้งานเดียวเท่านั้น
- เมื่อพวกเขาลองซ้อมกันดูก็ปรากฏว่ามีแววที่จะเข้ากันได้ดี ทุกเย็นเสียงดนตรีดังแว่วมาจากห้องพักครู
จนเด็กนักเรียนและภารโรงเริ่มคุ้นชิน ใครถนัดเล่นเครื่องดนตรีอะไรก็รับผิดชอบตำแหน่งนั้นไปเลย
ส่วนสลาดูแลการแต่งเพลงและร้องนำเหมือนเดิม
- แล้ววันงานทอดผ้าป่าก็มาถึง คณะกรุงเทพมาเยือนบ้านนาดีเต็มรถบัสคัดใหญ่... หลังจากงานทำบุญ
ตอนกลางวันผ่านไปแล้ว ภาคมหรสพบันเทิงก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงเย็น ซึ่งรายการหลักคือวงดนตรีที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
ของครูหนุ่มกลุ่มนี้
- เขาลองปล่อยเพลงตัวเองแทรกเข้าไปในรายการด้วย ปรากฏว่าการแสดงคืนนั้นประสบความสำเร็จด้วยดี
แขกจากกรุงเทพฯต่างขอบใจ ลีลาของวงนี้กันถ้วนทั่ว แม้เครื่องเสียงรุ่นเก่าที่เตรียมไว้จะส่งเสียงรบกวน
ตลอดเวลาก็ตาม
- “แหม...เล่นดีกว่าวงในกรุงเทพอีก... แต่งเพลงได้ขนาดนี้น่าจะออกเทปได้แล้วนะ” เสียงคนดูจากเมืองหลวงชมเชย
พลางปรบมืออย่างถูกใจสีหน้าคนฟังที่ส่อแววรื่นรมย์ทำเอานักดนตรีมีกำลังใจทุ่มเทการเล่นการร้องอย่างลืมเหนื่อย
- หลังจบการแสดงครั้งนั้น เขาและเพื่อนครู 4-5 คนเริ่มเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำวงดนตรีอย่างจริงจัง
เพราะเห็นว่าพอจะสร้างทีมเวิร์คได้ดีในระดับหนึ่งอีกทั้งลูกยุจากชาวบ้านที่อยากเห็นวงดนตรีของครูล้วนๆ
สักวงเพื่ออย่างน้อยจะได้เปรียบเทียบกับวงคนโคก ซึ่งกำลังมาแรงในหมู่ชาวครูได้บ้าง
- “ยโสธร มีคนโคก...อำนาจเจริญบ้านเราก็ควรมีวงของเราบ้างตามประสาข้าราชการครูด้วยกัน”
สลาบอกเพื่อนในวงอย่างกระตือรือร้น ดังนั้นวง “เทียนก้อม” จึงได้กำเนิดขึ้นมาบนถนนดนตรีของบ้านไร่ขีอันไกลโพ้น
- คนหนุ่มต้องมีศรัทธรในความฝัน ความฝันนี้เองที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้โลดทะยานไปตามทางชีวิตอันเหยียดยาว
ได้เป็นสีสันสวยงาม เปี่ยมด้วยพลังทำให้คนหนุ่มแสวงหาความหมายชีวิตตัวเองโดยไม่ท้อแท้
- จากความฝันค่อยเปลี่ยนเป็นความหวัง แต่อีกสักเมื่อไหร่หนอความหวังจึงแปรเปลี่ยนเป็นความจริงได้
- เริ่มแรกจุดประสงค์ที่ทำวงเทียนก้อม ก็เพื่อความสนุกอย่างเดียว พวกเขารับงานทุกแห่งอย่างยินดี
โดยไม่คิดค่าตัวเลย เพียงขอให้ทางเจ้าภาพเตรียมเครื่องเสียงไว้ให้เท่านั้น แม้กระทั่งค่าเดินทางก็เต็มใจออกเอง
- สลาวางจุดเด่นวงเทียนก้อมไว้ที่การเสนอเรื่องราวชีวิตครูล้วนๆ สมาชิกในวงก็เป็นข้าราชการครูหมด จากจุดนี้เอง
ทำให้วงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ครู และนักเรียนของเมืองอำนาจเจริญพอสมควร
- เสียงลือจากปากสู่ปากของแฟนเพลง ทำให้สลาวางแผนที่จะตระเวนแสดงตามโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะ
อยากให้คนฟังได้ตั้งใจฟังเพลงของพวกเขา อย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้มาจากากรได้ดูวงดังๆ ในกรุงเทพฯ
ที่มักโปรโมทผลงานตัวเดองตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็นส่วนใหญ่
แนะนำอัลบั้มใหม่ : เอิร์น เดอะสตาร์ ชุดที่2 อย่างมองข้ามความเสียใจ
มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป
"ช่วยกันชื้อแผ่นแท้ให้กำลังใจศิลปิน ศิลปินจะได้มีแรงใจผลิตผลงานออกมาให้เราตลอดไป"
"เห็นแก่ของถูกของฟรี พรุ่งนี้อาจมีแค่เทปเปล่าฟัง"
แนะนำอัลบั้มใหม่ พี สะเดิด ชุดที่ 5ปลาร้าขาร็อก
มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป
ช่วยกันชื้อแผ่นแท้ให้กำลังใจศิลปิน ศิลปินจะได้มีแรงใจผลิตผลงานออกมาให้เราตลอดไป
"เห็นแก่ของถูกของฟรี พรุ่งนี้อาจมีแค่เทปเปล่าฟัง"
01.พี่ สะเดิด - ปล้าขาร็อก
02. พี่ สะเดิด - พรากผู้เยาว์
03.พี่ สะเดิด - คิดถึง..คิดถึง
04.พี่ สะเดิด - สาวเกหลี
05.พี่ สะเดิด - เก็บเห็ด
06. พี่ สะเดิด - ช่วยตัวเอง
07.พี่ สะเดิด - ไหมมัดหมี่
08.พี่ สะเดิด - หมายกหาง
09.พี่ สะเดิด - เลหลัง
10. พี่ สะเดิด - เรายังมีกัน
แนะนำอัลบั้มใหม่ : รวมดาวทุกคู่ แด่ครูสลา
มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป
ช่วยกันชื้นแผ่นแท้ให้กำลังใจศิลปิน ศิลปินจะได้มีแรงใจผลิตผลงานออกมาให้เราตลอดไป
"เห็นแก่ของถูกของฟรี พรุ่งนี้อาจมีแค่เทปเปล่าฟัง"
01 ขอบคุณเธอที่ให้ใจ - ก๊อท จักรพรรณ์ : ต่าย อรทัย เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 5 ความหวังในความเงียบ
-อ้างอิง : หนังสือเพลงชีวิต “ศิลปินครูบ้านป่า สลา คุณวุฒิ” -สำนักพิมพ์มิ่งมิตร - เขียนโดย ชูเกียรติ ฉาไธสง , คมทัพแสง -บรรณาธิการ แคน สาลิกา -เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 5 ความหวังในความเงียบ โดย แคน สาลิกา : มีนาคม 2545 - บางขณะของความรู้สึก บทเพลงบางเพลงราวกับเพื่อนสนิทที่เข้าอกเข้าใจดิ่งลึกสู่ความเป็นจริงในชีวิตของผู้ฟัง เป็นสายใยความสัมพันธ์ระหว่างคนกับโลก และเห่กล่อมจากโลกย้อนมาสู่คนอีกครั้ง - บางครั้งกระซิบกระซาบอ่อนโยนราวท้องทะเลในคืนดาวพราย บางครั้งแข็งกร้าวรุนแรงราวทะเลบ้าในคืนมรสุม บรรเลงสอดคล้องเป็นท่วงทำนองแห่งชีวิต - แก่นของเพลงมาจากรากฐานความประทับใจบางสิ่งบางอย่างของผู้แต่งสิ่งนี้ก่อให้เกิดความหวังและพลังใหม่ ๆ ในการสำท้อนความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์และยุคสมัยที่ดำรงอยู่ออกมา ส่วนที่ว่าจะทำได้ “ถึง” ขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้แต่งแต่ละคน - ข่าวที่เพลงของสลาได้ถูกนำไปบันทึกเสียงและขับร้องโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ลือกระฉ่อนในย่านหมู่บ้านที่เขาเป็นครูอยู่ ทำให้เกิดความภาคภูใจไม่น้อย เพราะสำหรับชนบทที่นี่ การได้ลงข่าวหนังสือพิมพ์ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย - เพลงของสลาได้บันทึกเทป 2 เพลงโดยได้เป็นเพลงแรกของทั้งหน้าเอ และหน้าบี คือเพลง สาวชาวหอ และเพลง กบร้องให้ และที่สำคัญสาวชาวหอ ยังได้รับเกียรติเป็นชื่ออัลบั้ม ของนักเพลงรุ่นใหญ่คนนั้นด้วย นัยว่าเป็นการกลับมาของรุ่งเพชร แหลมสิงห์ ที่งดงามพอสมควร - ข่าวดียังไม่หยุดอยู่แค่นั้น สาวชาวหอ ยังได้รับการบันทึกเสียงเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง พ่อตาจิ๊กโก๋ ซึ่งกำกับการแสดงโดย ประยูร วงศ์ชื่น ด้วย และมีจดหมายจากกรุงเทพฯ นัดหมายให้เขาเดินทางไปเซ็นมอบลิขสิทธิ์ และรับเงินพร้อมๆ กันไป - ด้วยวิถีชีวิตที่วนเวียนจำเจในเมืองอุบลฯ และอำนาจเจริญตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทำให้ครูหนุ่มจากบ้านไร่ขีต้องลงทุนจ้างชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเคยไปทำงานในกรุงเทพฯ บ้างแล้วให้เป็นเพื่อนพาไป เราะตัวเขานั้นตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าตาของเมืองกรุงเทพฯ เลยว่าเป็นยังไง - ค่าจ้างให้ชาวบ้านคนนั้นเดินทางเป็นเพื่อนพอให้อุ่นใจเป็นเงิน 500 บาท ซึ่งมากพอดูในสมัยนั้น ส่วนค่ากิน ค่าอยู่ สลสออกคนเดียวหมด ครั้นนั้นเขาได้รับเงินค่าเพลงเบ็ดเสร็จ 3,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาพอสมควรสำหรับนักแต่งเพลงหน้าใหม่ - ที่สำคัญกว่านั้น เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดีในเส้นทางนักแต่งเพลงของเขาด้วย - แต่เรื่องราวในชีวิตคนก็ไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังเสมอไป บางครั้งความสมหวังและความผิดหวัง ต่างผลัดกันเข้ามาเยี่ยมเยือนเราราวผู้ผ่านทางแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยความปรวนแปรซับซ้อน สุดที่จะคาดเดาได้ - แต่ถึงที่สุดแล้วในความผิดหวัง ก็มีความงามของมันอยู่ เป็นความงามที่หล่อหลอมเคี่ยวกรำความรู้ให้แกร่งจนหัวใจซอกลึกเปิดเผยรอยยิ้มในความมือมิดของวันเวลาออกมา - นับจากวันนั้นสลาลุยแต่งเพลงใหม่ ๆ เป็นการใหญ่ ด้วยไฟฝันที่คุโชนเขาอัดเพลงตัวเองใส่เทปส่งไปตามค่ายเพลงที่เปิดรับแนวลูกทุ่งแทบทุกแห่งทำประวัติย่อ ๆ ชี้แจงไปด้วยว่า เคยแต่งเพลงให้นักร้องระดับ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ร้องมรแล้วเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเครดิตที่ทำให้การพิจารณาซื้อขายง่ายขึ้น - แต่ผลที่ออกมาคือความเงียบ แทบไม่มีค่ายเพลงไหนสนใจงานนักแต่งเพลงหน้าใหม่คนนี้เลย นอกจากเจ้าเก่า รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ที่เอาเพลงเขาไปร้องอีก 2-3 เพลงซึ่งก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก - ช่วงนี้สลา ผิดหวังและท้อแท้พอสมควร แต่เมื่อย้อนพิจารณาผลงานตัวเองใหม่ เขาก็สรุปได้ว่า เพลงที่แต่งอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้น คุณภาพยังไม่ถึงขั้นจริงๆ สมควรแล้วที่ไม่ผ่านการพิจารณา - สลาเขียนจดหมายไปหา “ลพ บุรีรัตน์” ครูเพลงที่อยู่ในหัวใจเขาคนหนึ่งเพื่อขอคำและนำในการแต่งเพลง คราวนี้ไม่ผิดหวัง เพราะครูลพตอบกลับมาเป็นใบโรเนียวว่าด้วยเทคนิคการแต่งเพลงและช่องทางที่จะเอาเพลงไปเสนอค่ายเทปเป็นข้อ ๆ โดยละเอียด ซึ่งเป็นประโยชน์ขพอสมควร - ขณะนั้นเกิดวงดนตรีที่มีนักดนตรีข้าราชการครูล้วน ๆ ในชื่อ “คนโคก” ขึ้นมา วงคนโคกนับเป็นวงที่มีชื่อเสียงในภาคอีสานพอสมควรโดยเฉพาะในแวดวงชาวครูด้วยกัน เพราะมีผลงานเป็นอัลบั้มเพลงของตัวเองด้วย - มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ คนโคก มีโอกาสมาแสดงที่หอประชุมใหญ่ของอำเภออำนาจเจริญ ในงานประชุมข้าราชการครู ครั้งนั้นเขาและเพื่อนครูหนุ่มๆ ในโรงเรียนได้ไปรอดูอย่างสนใจ เพราะกระแสความนิยมวงนี้ในหมู่ชาวครูแรงมาก คนโคแสดงในวันนั้นได้น่าประทับใจจนสลาเกิดความคิดแวบเข้ามาว่า เขาและเพื่อนครูที่พอจะมีฝีมือทางดนตรีน่าจะทำวงดนตรีของชาวครูล้วน ๆ ขึ้นมาบ้าง - แต่นั้นก็เป็นเพียงความลึกๆ เท่านั้น -แดดยามบ่ายจัดจ้าจนลานดินบ้านไร่ขีราวกับมีประกายระริกแต้มเป็นจุดๆ เหมือนผิวน้ำต้องประกายแดด หมูเงาเข้มดำใหญ่น้อยต่างพากันหลบเร้น ซุกใต้กิ่งก้านของมวลไม้และกองดินที่พูนสูง เป็นหย่อม ๆ นั้นเป็นสัญญาณของเทศกาลทำบุญใหญ่ที่มักมีคนต่างถิ่นมรทอดผ้าป่าในละแวกชนบทแห่งนี้ทุกปี - คณะกรรมการวัดบ้านนาดี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันเข้ามาปรึกษาสลาเรื่องการเตรียมมหรสพไว้ต้อนรับชาวกรุงเทพฯ ที่จะมาทำบุญ เพราะเขามีชื่อพอสมควรในฐานะนักเพลงประจำท้องถิ่น - “ทำยังไงดีครับครู...” เราไม่มีเงินพอจะจ้างหมอลำมาแสดงซะด้วย...ครูพอมีหนทางอะไรช่วยทางวัดเราไหมครับ ไม่งั้นขายหนาคนกรุงเทพฯ แน่เลย”
แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 3 )
แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 2 )
แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 1 )
เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 4 นักแต่งเพลงมือใหม่
อ้างอิง : หนังสือเพลงชีวิต “ศิลปินครูบ้านป่า สลา คุณวุฒิ” สำนักพิมพ์มิ่งมิตร เขียนโดย ชูเกียรติ ฉาไธสง , คมทัพแสง บรรณาธิการ แคน สาลิกา เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 4 นักแต่งเพลงมือใหม่ โดย แคน สาลิกา : มีนาคม 2545 - “เดียวพี่จะรับไว้พิจารณานะ...เก่งนี่ แต่เพลงเองได้” ชายวัยกลางคนผิวคล้ำพูดพลางยิ้มอย่างใจดี “แต่น้องให้พี่ดูเนื้ออย่างเดียวไม่ได้หรอก..ต้องใส่ทำนองให้พี่ด้วย...อืมม์..เอาอย่างงี้ เดี๋ยวพี่จะให้ที่อยู่ไว้แล้วอัดเทปเพลงพวกนี้ส่งไปให้ฟังอีกครั้งดีกว่า” เด็กหนุ่มหน้าซื่อรับคำ ปากคอสั่นด้วยความประหม่าและตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พูดกับนักร้องระดับประเทศนาม รุ่งเพชร แหลมสิงห์ - นั่นเป็นงานของชมรมวิทยุอุบลฯ ซึ่งจัดเวทีแสดงดนตรีลูกทุ่งที่ทุ่งศรีเมือง งานนี้เชิญนักร้องชั้นนำมามากมาย อาทิ ชาย เมืองสิงห์ ,คัมภีร์ แสงทอง,รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ฯลฯ มีแฟนเพลงเข้ามาดูอย่างล้นหลาม และหนึ่งในผู้คนเรือนพันนั้น มีเด็กหนุ่มจากบ้านนาหมอม้าที่กำกระดาษเนื้อเพลงร่วม 10 เพลง จนเหงื่อซึม รวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง - สลา ลุยฝ่าผู้คนไปถึงหลังเวที ชะเง้อมองนักร้องดังซึ่งกำลังนั่งพักอยู่อย่างตื่นเต้น แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ แม้มีเวลาพูดคุยไม่นานนัก แต่น้ำใจไมตรีที่นักร้องรุ่นใหญ่มีให้ก็ยังอบอวลในความทรงจำจนทุกวันนี้ ตอนนั้นเขาหวังเพียงแค่ได้พูดคุยกับศิลปินคนโปรดก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่นี้ยังได้รับความหวังเป็นกำลังใจแถมมาอีก ทำให้ปลาบปลื้มจนแทบทำอะไรไม่ถูกไปทั้งวัน - หลังจากนั้น สลาอัดเพลงที่แต่งร่วม 10 เพลง ใส่เทปส่งไปให้รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ตามที่อยู่ซึ่งให้ไว้ พร้อมกับรอคอยฟังผลด้วยใจระทึก - ดอกจานสีแดงร่วงหล่นจากลำต้นพร้อมเวลาที่สลาใกล้เรียนสำเร็จจาก ว.ค.อุบลฯ พอดี นักศึกษาปีสุดท้ายทุกคนต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นครูตามสาขาที่ร่ำเรียนมา ซึ่งนับว่าหนักหนาสาหัสไม่น้อย สลาสอบบรรจุครูได้ที่โรงเรียนบ้านไร่ขี เป็นโรงเรียนชนบทที่เงียบสงบและห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร ครูใหม่หนุ่มโสดคนนี้เป็นที่สนใจของชาวบ้านทั่วไปเพราะบุคลิกประจำตัวที่อ่อนน้อมรวมทั้งอัธยาศัยไมตรีอันดีทำให้ครูสลากลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านไร่ขีไปโดยปริยาย - เริ่มแรกที่ไปสอนนั้น บ้านพักครูในโรงเรียนค่อนข้างแออัดไม่สะดวกนัก สลาต้องอาศัยนอนในโรงเก็บของซึ่งอยู่ติดกับกำแพงวัดก่อน บรรยากาศที่นี่เงียบเชียบ และวังเวง เพียงเปิดหน้าต่างห้องก็จะเห็นที่ฝักศพ และเจดีย์ใน่กระดูกถนัดตา - มันเงียบเหงาจนบางวันเขานั่งน้ำตาซึมอยู่คนเดียว สิ่งที่พอคลายเหงาได้ก็มีเพียงจดหมายของเพื่อน ๆ และหญิงสาวคนรักในเมืองเท่านั้น ช่วงนั้นเขายอมรับว่ามีหญิงสาวที่เรียนจบมารด้วยกันนั่งอยู่ในหัวใจแล้วคนหนึ่งแม้จะเป็นแค่ความผูกพันแบบวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปก็ตาม เพิ่งห่างหันก็ช่วงมาเป็นครูนี่เอง - สลานั่งอ่านและเขียนจดหมายทุกวันด้วยความสุข การได้เขียนจดหมายบ่อย ๆ ทำให้ได้คิดค้นถ้อยคำต่างๆ ไปด้วยในตัว ความช่างคิดช่างฝันของครูหนุ่มสื่อผ่านในกระดาษจดหมายแผ่นแล้วแผ่นเล่า ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกคิดความหมายของคำในงานเพลงของเขา - สายลมวันเวลาโชยผ่านลำห้วยบ้านไร่ขี พร้อมความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น ความสัมพันธ์ของครูหนุ่มบ้านนอกกับหญิงสาวในเมืองเริ่มเหินห่างตามระยะทางที่ไกลกัน เขาคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมใหม่ในหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้น ครูหนุ่มโสดสำหรับบ้านนอกไกลๆ นับเป็นจุดเด่นไม่น้อยโดยเฉพาะกับสาวๆ ด้วยแล้ว หากเปรียบเทียบกับหนุ่มชาวบ้านธรรมดาก็ยิ่งเห็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน - ดวงจันเต็มดวงลอยเด่นเหนือท้องฟ้าสีหม่นในคืนลอยกระทงสายลมบางๆ หอบกระซิบความอ่อนหวานมาทักทายพร้อมกับกระทงใบตองขนาดกะทัดรัด ซึ่งสาวคนงามของหมู่บ้านทำมาฝากครูหนุ่ม - ประเพณีลอยกระทงในวัดไร่ขีจะเริ่มตอนหัวค่ำ ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านมาทำบุญร่วมกันเสร็จแล้วก็จะตั้งขบวนไปลอยกระทงในลำห้วย ซึ่งไกลออกไปราวหนึ่งกิโลเมตร ครูหนุ่มพาลูกศิษย์ตัวเล็กๆ เดินไปเป็นกลุ่ม มีสาวๆ ชาวบ้านเดินเมียงมองไม่ห่างหันนัก ภาพนั้นงดงามและชัดเจนในความรู้สึกจนไม่มีวันลิมไปได้ - กระทงน้อยของครูหนุ่ม ลอยตามลำห้วยบ้านไร่ขีไปช้า ๆ กลางเงาดวงจันทร์ซึ่งสะท้อนวับวามในแผ่นน้ำ ปลาตัวโตพลิกตัวจนผิวน้ำกระเพื่อมแผ่วงเป็นชั้นๆ ราวไม่มีที่สิ้นสุด ขับคลอด้วยเสียงแคนของนักเพลงพื้นบ้านบางคน ภาพนี้กลายเป็นเรื่องราวของบทเพลง กระทงหลงทาง ที่สร้างชื่อให้เขาในอีกหลายปีต่อมา - บรรยากาศของบ้านไร่ขี เป็นวัตถุดิบสำคัญที่สลานำมาใช้แต่งเพลงได้ตลอดเวลา กระจ่างชัดและนุ่มลึกกว่าช่วงเวลาใด ๆ ที่จะย้อนรำลึกได้ - ยามว่างเขาจะเข้าป่าหากะปอมหรือไม่ก็สอยไข่มดแดงมาทำลาบก้อยกับลูกศิษย์ตัวเล็ก ๆ เมื่อชาวบ้านไปหาปลาในลำห้วย ครูหนุ่มก็จะแบกแหตามไปด้วยอย่างสุขใจ - ล่วงเข้า 5 เดือนเศษๆ ที่มาใช้ชีวิตเป็นครู วันหนึ่ง ขณะนั่งซักผ้าอยู่คนเดียวก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งถือหนังสสือพิมพ์ไทยรัฐ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา - “เฮ้ยสลานายชายเพลงได้แล้ว ข่าวไทยรัฐลงว่า รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ซื้อเพลงนายไปร้อง และเอาชื่อเพลงเป็นชื่ออัลบั้มด้วย โอ้ยดีใจด้วยนะ ”