AVG Anti-Virus Free Edition 8.5

บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog
อ้างอิงจาก http://thaiwinadmin.blogspot.com/
-AVG Technologies ได้อัพเดท AVG Anti-Virus Free Edition เป็นเวอร์ชัน 8.5 โดยยูสเซอร์ที่กำลังใช้งาน AVG Anti
-Virus Free Edition 8.0 นั้น จะได้รับแจ้งเตือนให้ทำการอัพเดทก่อนวันที่ 30 เมษายน 2552 ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่อัพเดทภายในวันดังกล่าวจะไม่สามารถทำการอัพเดทไวรัสเดฟฟินิชันได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากมัลแวร์ เนื่องจากโปรแรกมจะไม่สามารถป้องกันหรือทำการตรวจจับมัลแวร์ตัวใหม่ๆ ได้
หมายเหตุ: AVG Technologies อ้างว่า AVG Anti-Virus เวอร์ชัน 8.5 สามารถตรวจพบและกำจัดไวรัสสายพันธฺ Conficker ได้ อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ http://thompson.blog.avg.com/2009/04/the-imminent-demise-of-the-internet.html
การดาวน์โหลด AVG Anti-Virus Free Edition 8.5ผู้ที่กำลังใช้งาน AVG Anti-Virus Free Edition 8.0 สามารถดาวน์โหลดชุดติดตั้งโปรแกรม AVG Anti-Virus Free Edition 8.5 (เวอร์ชันเต็มคือ 8.5.287) มาอัพเกรดได้ฟรี ตามรายละเอียดด้านล่าง
ชื่อไฟล์: avg_free_stf_en_85_287a1483.exe
เวอร์ชัน: 8.5.287
ระบบปฏิบัติการที่รองรับ: Windows 2000, Windows XP ทั้ง 32 บิตและ 64 บิต, Windows Vista ทั้ง 32 บิตและ 64 บิต และคอมแพตติเบิลกับ windows 7
ขนาดของไฟล์: 60.8 MB
วันที่ออก: 9/APR/2009
ภาษา: อังกฤษดาวน์โหลดลิงค์:•
ดาวน์โหลดจาก AVG Server >> คลิกที่นี่
ดาวน์โหลดจาก Download.com >> คลิกที่นี่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: โฮมเพจ AVG Free Anti-Virus
ความต้องการระบบAVG Anti-Virus Free Edition 8.5 มีความต้องการระบบขั้นต่ำดังนี้-
ซีพียู: Intel Pentium 300 MHz-
พื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์: 30 MB (เฉพาะสำหรับการติดตั้งเท่านั้น)-
หน่วยความจำ: 256 MB
การติดตั้ง AVG Anti-Virus Free Edition 8.0
การติดตั้ง AVG Anti-Virus Free Edition 8.5 มีขั้นตอนดังนี้
1. ดับเบิลคลิกไฟล์ avg_free_stf_en_85_287a1483.exe จากนั้นในหน้า Welcome to the AVG Setup program ให้คลิก Next
2. ในหน้า Acceptance Notice ให้คลิก Accept
3. ในหน้า License Agreement ให้คลิก Accept
4. รอจนโปรแกรมทำการตรวจสอบระบบแล้วเสร็จ หากมีโปรแกรมพบการติดตั้ง AVG 8.0 โปรแกรมจะแจ้งว่าหากดำเนินการต่อจะเป็นการถอนการติดตั้ง AVG 8.0 ให้คลิก Next เพื่อดำเนินการต่อ
5. ในหน้า Select Installation Type แนะนำให้เลือกเป็น Standard Installation แล้วคลิก Next
6. ในหน้า Activate your AVG Free License ให้คลิก Next
7. ในหน้า AVG Security Toolbar ให้เลือกเช็คบ็อกซ์ Yes, I would like to install the AVG Security Toolbar เสร็จแล้วคลิก Next
8. ในหน้า Setup Summary ให้ตรวจสอบความถูกต้องเสร้จแล้วคลิก Finish เพื่อทำการติดตั้ง
9. ในหน้า Applications terminate ให้คลิก Next
10. รอจนการติดตั้งแล้วเสร็จ จากนั้นในหน้า Installation is complete ให้คลิก OK
หลังจากทำการติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้ว จะต้องทำการขั้นตอนใน AVG First Run Wizard อีก 7 ขั้นตอน ซึ่งจะเป็นการตั้งค่าการอัพเดทไวรัสเดฟฟินิชัน การสแกนระบบ และอื่นๆ โดยให้ทำตามคำสั่งบนหน้าจอ (ส่วนมากเป็นการคลิก Next) เสร็จแล้วให้ทำการรีสตาร์ทระบบหนึ่งรอบ
ฟีเจอร์ใหม่ใน AVG Anti-Virus Free Edition 8.5
AVG Anti-Virus Free Edition 8.5 นั้นสามารถป้องกันไวรัสและสปายแวร์ และได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อจำกัดของ AVG Anti-Virus Free Edition 8.5ข้อจำกัดของ AVG Anti-Virus Free Edition 8.5 เมื่อเปรียบเทียบกับ AVG Anti-Virus Pro หรือ AVG Internet Security นั้นมีข้อจำกัดต่างๆ ดังนี้
1. เหมาะสำหรับการป้องกันขั้นพื้นฐานเท่านั้น
2. จำนวนภาษาที่รองรับมีจำกัดเพียง 5 ภาษา คือ English, German, French, Italian และ Japanese
3. ไม่มีบริการด้านเทคนิครองรับ
4. รองรับเฉพาะเครื่องลูกข่ายคอมพิวเตอร์เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานบนเครื่อเซิร์ฟเวอร์ได้
5. ใช้งานได้ในแบบส่วนตัวเท่านั้นไม่อนุญาตให้ใช้ในเชิงพาณิชย์
6. มีโฆษณา
นอกจากนี้ฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ไม่มีใน AVG Anti-Virus Free Edition 8.5 แต่มีอยู่ใน AVG Anti-Virus Pro หรือ AVG Internet Security เช่น Web Shield, Anti-Rootkit, Anti-Spam (มีเฉพาะใน AVG Internet Security), Firewall (มีเฉพาะใน AVG Internet Security และ AVG Anti-Virus plus Firewall), Safe Downloads, Safe Instant Messaging, Safe Surf และ Identity Protection Identity Protection
อ้างอิงจาก http://thaiwinadmin.blogspot.com/

ไมโครซอฟท์ยืนยัน Windows 7 Release Candidate ออกวันที่ 30 เมษายน

ไมโครซอฟท์ยืนยัน Windows 7 Release Candidate ออกวันที่ 30 เมษายน
-ไมโครซอฟท์โดย Bradon LaBlanc ได้ยืนยันผ่านทางบล็อก Windows 7 Team Blog ว่า ไมโครซอฟท์จะเปิดให้ผู้ใช้ที่เป็นสมาชิก MSDN และ Technet สามารถดาวน์โหลด Windows 7 RC ได้ในวันที่ 30 เมษายน ที่จะถึงนี้ ในส่วนของผู้ใช้ทั่วไปนั้น ไมโครซอฟท์จะเปิดให้ดาวน์โหลด Windows 7 RC ได้ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2552 ดังรายละเอียดในรูปด้านล่างWindows 7 RC Release Date
-การออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการของไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ ทำให้ Windows 7 RC มีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับกำหนดการออก Windows 7 RC อย่างไรตาม ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเวอร์ชัน RC นั้นจะมีหมายเลข Build อะไร แต่มีการคาดการจากผู้เชี่ยวชาญว่าน่าจะเป็น Build 7100
อ้างอิง

วิธี Activate Windows 7

Windows 7
Windows 7ระบบปฏิบัติการรุ่นต่อไปที่ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อยอดจาก Windows Vista เสียมากกว่า เพราะแทบจะไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนมากนัก ผู้ใช้หลายคนลงความเห็นว่ามันเป็น Vista Minor Change เท่านั้นเอง Windows 7 นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับโน้ตบุ๊กและพีซีโดยเฉพาะ ส่วนใครจะเอาไปติดตั้งลงเครื่องแมคก็ไม่ใช่เรื่องที่ ผิดแต่อย่างใด ไปห่วงว่าจะมีไดรเวอร์ออกมารองรับหรือไม่จะดีกว่าครั บ ส่วนวันจำหน่ายจริงๆ นั้นยังไม่ได้มีการเปิดเผยไว้แน่นอน รวมถึงเรื่องคุณสมบัติของตัว Windows 7 เอง ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้มากน้อยแค่ไหน ไม่แน่นะครับวันเปิดตัวอาจจะมีฟีเจอร์เด็ดๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้เปิดเผยมาให้เราตกใจกันก็ได้ (หวังว่าจะมีนะครับ)ในปัจจุบันมีรุ่นทดสอบที่ยังไม่สมบูรณ์เปิดให้ผู้ใช้ งานได้ดาวน์โหลดฟรีทดลองใช้ ไมโครซอฟท์ได้มีการประกาศเปิดตัววินโดวส์ 7 ในช่วงปี พ.ศ. 2550 ว่าการพัฒนาวินโดวส์ตัวนี้จะใช้เวลาสามปีให้หลังจากก ารวางจำหน่ายวินโดวส์ วิสตาคุณสมบัติใหม่ของวินโดวส์ตัวนี้จะมีจุดเด่นในส่วนของ รองรับระบบมัลติทัช มีการออกแบบวินโดวส์เชลล์ใหม่ และระบบเน็ตเวิร์กแบบใหม่ภายใต้ชื่อโฮมกรุ๊ป (Home Group) ในขณะที่คุณสมบัติหลายส่วนในวินโดวส์รุ่นก่อนหน้าจะถ ูกนำออกไปได้แก่ วินโดวส์มูฟวีเมเกอร์ และ วินโดวส์โฟโตแกลเลอรีรุ่นทดสอบล่าสุดคือรุ่น 6.1.7000 ออกให้ทดสอบเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ. 2552 20 วัน ที่ผ่านมา

สรุป Windows 7 ของเล่นใหม่เพียบ มีทั้งดีและไม่ดี แต่ยังไงก็คงต้องปรับปรุงอีก แต่ถามว่าผิดหวังไหม ไม่น่าผิดหวังเท่ากับ Beta Vista ตอนนั้นอยากจะเผาทิ้ง เพราะทั้งช้าและไม่เถียร แต่สำหรับ Windows 7 7000 นี้ ใช้ได้ ไม่เหมือน Vista ช่วงแรกๆ เริ่ม Activate Windows 7 ทำตามขั้นตอนของรูปภาพด้านล้างเลยครับ

การ Activate ผ่านทางโทรศัพท์ 1 ใส่ Key ที่ได้รับจาก Microsoft 25 หลัก เพื่อ Activate กด next 2 เลือกการ Activate ที่ไม่ใช่แบบ Activate Online 3 เลือกประเทศไทย 4โทรไปที่เบอร์ 00180024681668 (อันนี้เบอร์ของไมโครซอฟประเทศไทยคับ..โทรฟรีครับ..จ ากมือถือก็ได้) 5ฟังระบบอัติโนมัติ (กด 4) 6มีพนักงานรับสาย 7แจ้งเลข Activate by Phone ทั้ง 54 ตัว รอๆๆๆ…แป๊บ…กรอกตัวเลข Activate ที่ได้รับแจ้งจากพนักงาน เรียบร้อย

เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 6.1 “เทียนก้อม” เทียนแห่งการเริ่มต้น

อ้างอิง: หนังสือเพลงชีวิต “ศิลปินครูบ้านป่า สลา คุณวุฒิ
สำนักพิมพ์มิ่งมิตร เขียนโดย ชูเกียรติ ฉาไธสง , คมทัพแสง บรรณาธิการ แคน สาลิกา เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 6.1 “เทียนก้อม” เทียนแห่งการเริ่มต้น โดย แคน สาลิกา : มีนาคม 2545
- สลา ชักชวนเพื่อนครูหนุ่ม ๆ ไฟแรง ทั้งในโรงเรียนบ้านไร่ขี และโรงเรียนใกล้เคียงที่พอเล่นดนตรีได้ มาทำวงร่วมกัน จุดประสงค์หลักคือ การแสดงต้อนรับแขกจากกรุงเทพฯ ที่จะมาทำบุญทอดผ้าป่า วัดบ้านนาดีในอีกไม่กี่วัน เนื่องจากไม่มีเงินพอที่จะจ้างคณะหมอลำมาแสดงได้ - “เอาหน่อยนะพวกเรา...นึกว่าช่วยวัดเอาบุญ แล้วก็จะได้ซ้อมมือกันสนุก ๆ ด้วย” สลาบอกเพื่อน ครูด้วยกัน... ในใจคิดว่าคงมีแค่งานนี้งานเดียวเท่านั้น - เมื่อพวกเขาลองซ้อมกันดูก็ปรากฏว่ามีแววที่จะเข้ากันได้ดี ทุกเย็นเสียงดนตรีดังแว่วมาจากห้องพักครู จนเด็กนักเรียนและภารโรงเริ่มคุ้นชิน ใครถนัดเล่นเครื่องดนตรีอะไรก็รับผิดชอบตำแหน่งนั้นไปเลย ส่วนสลาดูแลการแต่งเพลงและร้องนำเหมือนเดิม - แล้ววันงานทอดผ้าป่าก็มาถึง คณะกรุงเทพมาเยือนบ้านนาดีเต็มรถบัสคัดใหญ่... หลังจากงานทำบุญ ตอนกลางวันผ่านไปแล้ว ภาคมหรสพบันเทิงก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงเย็น ซึ่งรายการหลักคือวงดนตรีที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ของครูหนุ่มกลุ่มนี้ - เขาลองปล่อยเพลงตัวเองแทรกเข้าไปในรายการด้วย ปรากฏว่าการแสดงคืนนั้นประสบความสำเร็จด้วยดี แขกจากกรุงเทพฯต่างขอบใจ ลีลาของวงนี้กันถ้วนทั่ว แม้เครื่องเสียงรุ่นเก่าที่เตรียมไว้จะส่งเสียงรบกวน ตลอดเวลาก็ตาม - “แหม...เล่นดีกว่าวงในกรุงเทพอีก... แต่งเพลงได้ขนาดนี้น่าจะออกเทปได้แล้วนะ” เสียงคนดูจากเมืองหลวงชมเชย พลางปรบมืออย่างถูกใจสีหน้าคนฟังที่ส่อแววรื่นรมย์ทำเอานักดนตรีมีกำลังใจทุ่มเทการเล่นการร้องอย่างลืมเหนื่อย - หลังจบการแสดงครั้งนั้น เขาและเพื่อนครู 4-5 คนเริ่มเกิดแรงบันดาลใจที่จะทำวงดนตรีอย่างจริงจัง เพราะเห็นว่าพอจะสร้างทีมเวิร์คได้ดีในระดับหนึ่งอีกทั้งลูกยุจากชาวบ้านที่อยากเห็นวงดนตรีของครูล้วนๆ สักวงเพื่ออย่างน้อยจะได้เปรียบเทียบกับวงคนโคก ซึ่งกำลังมาแรงในหมู่ชาวครูได้บ้าง - “ยโสธร มีคนโคก...อำนาจเจริญบ้านเราก็ควรมีวงของเราบ้างตามประสาข้าราชการครูด้วยกัน” สลาบอกเพื่อนในวงอย่างกระตือรือร้น ดังนั้นวง “เทียนก้อม” จึงได้กำเนิดขึ้นมาบนถนนดนตรีของบ้านไร่ขีอันไกลโพ้น - คนหนุ่มต้องมีศรัทธรในความฝัน ความฝันนี้เองที่หล่อเลี้ยงหัวใจให้โลดทะยานไปตามทางชีวิตอันเหยียดยาว ได้เป็นสีสันสวยงาม เปี่ยมด้วยพลังทำให้คนหนุ่มแสวงหาความหมายชีวิตตัวเองโดยไม่ท้อแท้ - จากความฝันค่อยเปลี่ยนเป็นความหวัง แต่อีกสักเมื่อไหร่หนอความหวังจึงแปรเปลี่ยนเป็นความจริงได้ - เริ่มแรกจุดประสงค์ที่ทำวงเทียนก้อม ก็เพื่อความสนุกอย่างเดียว พวกเขารับงานทุกแห่งอย่างยินดี โดยไม่คิดค่าตัวเลย เพียงขอให้ทางเจ้าภาพเตรียมเครื่องเสียงไว้ให้เท่านั้น แม้กระทั่งค่าเดินทางก็เต็มใจออกเอง - สลาวางจุดเด่นวงเทียนก้อมไว้ที่การเสนอเรื่องราวชีวิตครูล้วนๆ สมาชิกในวงก็เป็นข้าราชการครูหมด จากจุดนี้เอง ทำให้วงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ครู และนักเรียนของเมืองอำนาจเจริญพอสมควร - เสียงลือจากปากสู่ปากของแฟนเพลง ทำให้สลาวางแผนที่จะตระเวนแสดงตามโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะ อยากให้คนฟังได้ตั้งใจฟังเพลงของพวกเขา อย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้มาจากากรได้ดูวงดังๆ ในกรุงเทพฯ ที่มักโปรโมทผลงานตัวเดองตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็นส่วนใหญ่
-อ่านต่อตอน 6.2

แนะนำอัลบั้มใหม่ : เอิร์น เดอะสตาร์ ชุดที่2 อย่างมองข้ามความเสียใจ

มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป "ช่วยกันชื้อแผ่นแท้ให้กำลังใจศิลปิน ศิลปินจะได้มีแรงใจผลิตผลงานออกมาให้เราตลอดไป" "เห็นแก่ของถูกของฟรี พรุ่งนี้อาจมีแค่เทปเปล่าฟัง"
1.อย่ามองข้ามความเสียใจ
2.เชื่อใจเธอแต่ไม่ไว้ใจเขา
3.ไม่ใช่ที่ชาร์จแบต
4.คำว่าจบพูดเบาๆก็เจ็บ 5.บอกใจให้รู้สึกดี 6.แต่ก่อน ตอนนี้และตลอดไป 7.รอยหยิกจากกิ๊กเก่า 8.รักคนอื่นไปก่อน 9.คิดถึงเธออยากเจอเหลือเกิน 10.พรุ่งนี้ค่อยเหงา

แนะนำอัลบั้มใหม่ พี สะเดิด ชุดที่ 5ปลาร้าขาร็อก

มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป ช่วยกันชื้อแผ่นแท้ให้กำลังใจศิลปิน ศิลปินจะได้มีแรงใจผลิตผลงานออกมาให้เราตลอดไป "เห็นแก่ของถูกของฟรี พรุ่งนี้อาจมีแค่เทปเปล่าฟัง" 01.พี่ สะเดิด - ปล้าขาร็อก 02. พี่ สะเดิด - พรากผู้เยาว์ 03.พี่ สะเดิด - คิดถึง..คิดถึง 04.พี่ สะเดิด - สาวเกหลี 05.พี่ สะเดิด - เก็บเห็ด 06. พี่ สะเดิด - ช่วยตัวเอง 07.พี่ สะเดิด - ไหมมัดหมี่ 08.พี่ สะเดิด - หมายกหาง 09.พี่ สะเดิด - เลหลัง 10. พี่ สะเดิด - เรายังมีกัน

แนะนำอัลบั้มใหม่ : รวมดาวทุกคู่ แด่ครูสลา

มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป ช่วยกันชื้นแผ่นแท้ให้กำลังใจศิลปิน ศิลปินจะได้มีแรงใจผลิตผลงานออกมาให้เราตลอดไป "เห็นแก่ของถูกของฟรี พรุ่งนี้อาจมีแค่เทปเปล่าฟัง" 01 ขอบคุณเธอที่ให้ใจ - ก๊อท จักรพรรณ์ : ต่าย อรทัย
02 นิ้วนางข้างซ้าย -ไหมไทย ใจตะวัน : รัชนก ศรีโลพันธุ์
03 เหนื่อยไหมคนดี -ไมค์ ภิรมย์พร : ศิริพร อำไพพงษ์
04 หยาดเหงื่อเพื่อแม่ - เสถียร ทำมือ : ตั๊กแตน ชลดา
05 ทำบาปบ่ลง - พี สะเดิด : เอิ้นขวัญ วรัญญา
06 คนไกลเบอร์เก่า - ไผ่ พงศธร : แพรวา พัชรี
07 น้องมากับคำว่าใช่ - มนต์แคน แก่นคูณ : ข้าวทิพย์ ธิดาดิน
08 คนที่รอคอย - บิว พงค์พิพัฒน์ : เอิร์น เดอะ สตาร์
09 คึดนำเขาเฮ็ดหยัง - ศร สินชัย : ดอกอ้อ ทุ่งทอง
10 หัวใจคึดฮอด - ภู ศรีวิไล : มด อุบลมณี
11 สั่งนางข้างโฟน - เอกพล มนต์ตระการ : ก้านตอง ทุ่งเงิน
12 สาละวันสงสารใจ - นิ้วก้อย กรรณิการ์, ก้านตอง ทุ่งเงิน, ข้าวทิพย์ ธิดาดิน
มีวางจำหน่ายแล้วทั่วแผงเทป

เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 5 ความหวังในความเงียบ

-อ้างอิง : หนังสือเพลงชีวิต “ศิลปินครูบ้านป่า สลา คุณวุฒิ” -สำนักพิมพ์มิ่งมิตร - เขียนโดย ชูเกียรติ ฉาไธสง , คมทัพแสง -บรรณาธิการ แคน สาลิกา -เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 5 ความหวังในความเงียบ โดย แคน สาลิกา : มีนาคม 2545 - บางขณะของความรู้สึก บทเพลงบางเพลงราวกับเพื่อนสนิทที่เข้าอกเข้าใจดิ่งลึกสู่ความเป็นจริงในชีวิตของผู้ฟัง เป็นสายใยความสัมพันธ์ระหว่างคนกับโลก และเห่กล่อมจากโลกย้อนมาสู่คนอีกครั้ง - บางครั้งกระซิบกระซาบอ่อนโยนราวท้องทะเลในคืนดาวพราย บางครั้งแข็งกร้าวรุนแรงราวทะเลบ้าในคืนมรสุม บรรเลงสอดคล้องเป็นท่วงทำนองแห่งชีวิต - แก่นของเพลงมาจากรากฐานความประทับใจบางสิ่งบางอย่างของผู้แต่งสิ่งนี้ก่อให้เกิดความหวังและพลังใหม่ ๆ ในการสำท้อนความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์และยุคสมัยที่ดำรงอยู่ออกมา ส่วนที่ว่าจะทำได้ “ถึง” ขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้แต่งแต่ละคน - ข่าวที่เพลงของสลาได้ถูกนำไปบันทึกเสียงและขับร้องโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ลือกระฉ่อนในย่านหมู่บ้านที่เขาเป็นครูอยู่ ทำให้เกิดความภาคภูใจไม่น้อย เพราะสำหรับชนบทที่นี่ การได้ลงข่าวหนังสือพิมพ์ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย - เพลงของสลาได้บันทึกเทป 2 เพลงโดยได้เป็นเพลงแรกของทั้งหน้าเอ และหน้าบี คือเพลง สาวชาวหอ และเพลง กบร้องให้ และที่สำคัญสาวชาวหอ ยังได้รับเกียรติเป็นชื่ออัลบั้ม ของนักเพลงรุ่นใหญ่คนนั้นด้วย นัยว่าเป็นการกลับมาของรุ่งเพชร แหลมสิงห์ ที่งดงามพอสมควร - ข่าวดียังไม่หยุดอยู่แค่นั้น สาวชาวหอ ยังได้รับการบันทึกเสียงเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง พ่อตาจิ๊กโก๋ ซึ่งกำกับการแสดงโดย ประยูร วงศ์ชื่น ด้วย และมีจดหมายจากกรุงเทพฯ นัดหมายให้เขาเดินทางไปเซ็นมอบลิขสิทธิ์ และรับเงินพร้อมๆ กันไป - ด้วยวิถีชีวิตที่วนเวียนจำเจในเมืองอุบลฯ และอำนาจเจริญตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทำให้ครูหนุ่มจากบ้านไร่ขีต้องลงทุนจ้างชาวบ้านคนหนึ่ง ซึ่งเคยไปทำงานในกรุงเทพฯ บ้างแล้วให้เป็นเพื่อนพาไป เราะตัวเขานั้นตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าตาของเมืองกรุงเทพฯ เลยว่าเป็นยังไง - ค่าจ้างให้ชาวบ้านคนนั้นเดินทางเป็นเพื่อนพอให้อุ่นใจเป็นเงิน 500 บาท ซึ่งมากพอดูในสมัยนั้น ส่วนค่ากิน ค่าอยู่ สลสออกคนเดียวหมด ครั้นนั้นเขาได้รับเงินค่าเพลงเบ็ดเสร็จ 3,000 บาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาพอสมควรสำหรับนักแต่งเพลงหน้าใหม่ - ที่สำคัญกว่านั้น เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นใบเบิกทางที่ดีในเส้นทางนักแต่งเพลงของเขาด้วย - แต่เรื่องราวในชีวิตคนก็ไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังเสมอไป บางครั้งความสมหวังและความผิดหวัง ต่างผลัดกันเข้ามาเยี่ยมเยือนเราราวผู้ผ่านทางแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยความปรวนแปรซับซ้อน สุดที่จะคาดเดาได้ - แต่ถึงที่สุดแล้วในความผิดหวัง ก็มีความงามของมันอยู่ เป็นความงามที่หล่อหลอมเคี่ยวกรำความรู้ให้แกร่งจนหัวใจซอกลึกเปิดเผยรอยยิ้มในความมือมิดของวันเวลาออกมา - นับจากวันนั้นสลาลุยแต่งเพลงใหม่ ๆ เป็นการใหญ่ ด้วยไฟฝันที่คุโชนเขาอัดเพลงตัวเองใส่เทปส่งไปตามค่ายเพลงที่เปิดรับแนวลูกทุ่งแทบทุกแห่งทำประวัติย่อ ๆ ชี้แจงไปด้วยว่า เคยแต่งเพลงให้นักร้องระดับ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ร้องมรแล้วเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเครดิตที่ทำให้การพิจารณาซื้อขายง่ายขึ้น - แต่ผลที่ออกมาคือความเงียบ แทบไม่มีค่ายเพลงไหนสนใจงานนักแต่งเพลงหน้าใหม่คนนี้เลย นอกจากเจ้าเก่า รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ที่เอาเพลงเขาไปร้องอีก 2-3 เพลงซึ่งก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก - ช่วงนี้สลา ผิดหวังและท้อแท้พอสมควร แต่เมื่อย้อนพิจารณาผลงานตัวเองใหม่ เขาก็สรุปได้ว่า เพลงที่แต่งอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้น คุณภาพยังไม่ถึงขั้นจริงๆ สมควรแล้วที่ไม่ผ่านการพิจารณา - สลาเขียนจดหมายไปหา “ลพ บุรีรัตน์” ครูเพลงที่อยู่ในหัวใจเขาคนหนึ่งเพื่อขอคำและนำในการแต่งเพลง คราวนี้ไม่ผิดหวัง เพราะครูลพตอบกลับมาเป็นใบโรเนียวว่าด้วยเทคนิคการแต่งเพลงและช่องทางที่จะเอาเพลงไปเสนอค่ายเทปเป็นข้อ ๆ โดยละเอียด ซึ่งเป็นประโยชน์ขพอสมควร - ขณะนั้นเกิดวงดนตรีที่มีนักดนตรีข้าราชการครูล้วน ๆ ในชื่อ “คนโคก” ขึ้นมา วงคนโคกนับเป็นวงที่มีชื่อเสียงในภาคอีสานพอสมควรโดยเฉพาะในแวดวงชาวครูด้วยกัน เพราะมีผลงานเป็นอัลบั้มเพลงของตัวเองด้วย - มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ คนโคก มีโอกาสมาแสดงที่หอประชุมใหญ่ของอำเภออำนาจเจริญ ในงานประชุมข้าราชการครู ครั้งนั้นเขาและเพื่อนครูหนุ่มๆ ในโรงเรียนได้ไปรอดูอย่างสนใจ เพราะกระแสความนิยมวงนี้ในหมู่ชาวครูแรงมาก คนโคแสดงในวันนั้นได้น่าประทับใจจนสลาเกิดความคิดแวบเข้ามาว่า เขาและเพื่อนครูที่พอจะมีฝีมือทางดนตรีน่าจะทำวงดนตรีของชาวครูล้วน ๆ ขึ้นมาบ้าง - แต่นั้นก็เป็นเพียงความลึกๆ เท่านั้น -แดดยามบ่ายจัดจ้าจนลานดินบ้านไร่ขีราวกับมีประกายระริกแต้มเป็นจุดๆ เหมือนผิวน้ำต้องประกายแดด หมูเงาเข้มดำใหญ่น้อยต่างพากันหลบเร้น ซุกใต้กิ่งก้านของมวลไม้และกองดินที่พูนสูง เป็นหย่อม ๆ นั้นเป็นสัญญาณของเทศกาลทำบุญใหญ่ที่มักมีคนต่างถิ่นมรทอดผ้าป่าในละแวกชนบทแห่งนี้ทุกปี - คณะกรรมการวัดบ้านนาดี ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กันเข้ามาปรึกษาสลาเรื่องการเตรียมมหรสพไว้ต้อนรับชาวกรุงเทพฯ ที่จะมาทำบุญ เพราะเขามีชื่อพอสมควรในฐานะนักเพลงประจำท้องถิ่น - “ทำยังไงดีครับครู...” เราไม่มีเงินพอจะจ้างหมอลำมาแสดงซะด้วย...ครูพอมีหนทางอะไรช่วยทางวัดเราไหมครับ ไม่งั้นขายหนาคนกรุงเทพฯ แน่เลย”

แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 3 )

แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 3 ) โดยครูสลา คุณวุฒิ อ้างอิง : ลูกทุ่งดอทคอม สงวนลิขสิทธ์โดยสโมสรนักเขียนภาคอีสาน เพลงสตริง เพลงป๊อป เพลงไทยสากลโครงสร้างของเพลงสตริง -โดยหลักๆ โครงสร้างของเพลงมีอยู่ไม่กี่แบบ ในที่นี้จะเริ่มในแบบที่พบเห็นและใช้กันเป็นประจำส่วนแบบอื่นๆ ที่ยุ่งยากและซับซ้อนกว่าปกตินั้น ขอละไว้ในฐานที่ต้องไปหาฟังกันตามอัธยาศัย -โดยปกติเพลงย Pop ทั่วโลกจะมีท่อนของเพลงคล้ายๆ กันอาจกล่าวได้ว่ามีโครงสร้างหลักที่เหมือนกัน แต่มีการดัดแปลงไปบ้างตามยุคสมัย และตามลักษณะงานของแต่ละคนและส่วนใหญ่โครงสร้างของเพลงไทยที่ได้รับความนิยมสูงนั้นจะเป็นโครงสร้างที่พื้นที่มาก และไม่ยุ่งยากทั้งนี้ก่อนการอธิบายแบบกึ่งทฤษฎี จะเริ่มต้นด้วยการอธิบายแบบสบายๆ ไม่ซับซ้อนเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น - ท่อน Hook หรือ ท่อน “สร้อย” คือ ท่อนที่สำคัญที่สุดในโลก เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่มีท่อนอื่นๆ คอยโคจรรอบๆ และอยู่ในรัศมีของมันเป็นท่อนที่มีเพื่อให้คนฟังได้ชูมือในงานคอนเสิร์ตเป็นท่อนจำ เป็นท่อนฮิตติดปาก วิธีสังเกตอย่างง่ายๆ ว่าท่อนใดเป็นท่อน Hook คือให้ดูว่าท่อนใดเป็นท่อนที่มีเนื้อร้องและทำนองซ้ำ ได้ยินไม่ต่ำกว่าสองรอบ และอยู่ตรงกลางเพลง

แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 2 )

แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 2 ) โดยครูสลา คุณวุฒิ อ้างอิง : ลูกทุ่งดอทคอม สงวนลิขสิทธ์โดยสโมสรนักเขียนภาคอีสาน 2 ทำความเข้าใจก่อนศึกษาเรื่องเพลง (เข้าใจในเพลง)ประเภทเพลงครูสลา คุณวุฒิ แบ่งเพลงออกเป็น 2 ประเภทคือ 1 เพลงส่วนตัว ที่ไม่มีรูปแบบและแนวทางที่แน่นอน 2 เพลงส่วนรวม การพัฒนาเพลงประเทศไทยมีการพัฒนามาตามลำดับแบ่งตามช่วงเวลาได้ 2 ยุคสมัย คือ 2.1 สมัยกเก่ามี 3 ประเภท 1 เพลงลูกทุ่ง 2 เพลงลูกกรุง 3 เพลงพื้นเมือง 2.2 สมัยปัจจุบันมี 4 ประเภท คือ 1 เพลงสตริง ( ป๊อป ไทยสากล ) 2 เพลงเพื่อชีวิต 3 เพลงลูกทุ่ง - อีสาน - ใต้ - ภาคกลาง - ใต้ - เขมร (กันตรึม) 4 เพลงวิชาการ (เพลงเฉพากิจ) ยังไม่ค่อยมีคนทำ 3 ทำความรู้จักกับเพลง 3.1 องค์ประกอบของเพลง เพลงแต่ละเพลงมีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการ รวมกันเป็นเพลง 1 เพลง 1 เนื้อร้อง 2 ทำนอง 3 ดนตรี 4 การเรียบเรียง 3.2 โครงสร้างของเพลง ตามสมัยนิยม -โครงสร้างคือ ส่วนต่างๆของเพลง มีความแตกต่างกันไปตามประเภทของเพลงและสมัยนิยมปัจจุบันมีโครงสร้างหลักของเพลงแต่ละประเภทดังนี้ อ่านต่อบล็อกหน้าครับ

แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 1 )

แนวทางการสร้างเพลง ครูสลา (ตอนที่ 1 ) โดยครูสลา คุณวุฒิ อ้างอิง : ลูกทุ่งดอทคอม สงวนลิขสิทธ์โดยสโมสรนักเขียนภาคอีสาน - การสร้างเพลงมีหลายรูปแบบวิธีการ สำหรับวิธีการ แนวทางการสร้างเพลงที่นำเสนอนี้ คัดเลือกเอาเฉพาะส่วนสำคัญที่เชื่อว่าคงจะทำให้ คนที่อยากเป็นคนเขียนเพลงทุกคน มีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นในการเขียนเพลง ประกอบด้วยคุณสมบัติของคนเขียนเพลง ความเข้าใจเรื่องเพลง วิธีการเขียนเพลง เทคนิคแนวทางการสร้างเพลง แนวทางการสำเสนอเพลง ข้อควรระวัง ปัญหาอุปสรรคในการเขียนเพลง รวมทั้งตัวอย่างเพลงที่พอจะเป็นแนวทางการสร้างเพลงให้กับคนที่สนใจอยากเป็นคนเขียนเพลง ทุกคน 1คุณสมบัติของคนเขียนเพลง คนเขียนเพลงควรมีคุณสมบัติ 7 ประการดั้งนี้ 1 ชอบ ข้อนี้ใช่อยู่แล้ว 2 เข้าใจเรื่องเพลง - เพลงดี - เพลงไพรเราะ 3 รักการอ่าน 4 เกาะติดข่าวสาร -ข่าวบันเทิง วงการเพลง -หน้าบันเทิง 5 ชำนาญในการใช้คำ ฝึกฝนจนเป็นนายของภาษา -พื้นฐานทางฉันทลักษณ์ -การเขียนบทกลอน -บทกวี -ร้อยกรอง 6 รับฟังความคิดเห็นและรู้จักชื่นชมผลงานของคนอื่น -การยอมรับคำวิจารณ์อย่างมีเหตุผล 7 รับผิดชอบต่อสังคม อ่านต่อตอนถัดไปครับ

เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 4 นักแต่งเพลงมือใหม่

อ้างอิง : หนังสือเพลงชีวิต “ศิลปินครูบ้านป่า สลา คุณวุฒิ” สำนักพิมพ์มิ่งมิตร เขียนโดย ชูเกียรติ ฉาไธสง , คมทัพแสง บรรณาธิการ แคน สาลิกา เรื่องราวครูสลา ตอนที่ 4 นักแต่งเพลงมือใหม่ โดย แคน สาลิกา : มีนาคม 2545 - “เดียวพี่จะรับไว้พิจารณานะ...เก่งนี่ แต่เพลงเองได้” ชายวัยกลางคนผิวคล้ำพูดพลางยิ้มอย่างใจดี “แต่น้องให้พี่ดูเนื้ออย่างเดียวไม่ได้หรอก..ต้องใส่ทำนองให้พี่ด้วย...อืมม์..เอาอย่างงี้ เดี๋ยวพี่จะให้ที่อยู่ไว้แล้วอัดเทปเพลงพวกนี้ส่งไปให้ฟังอีกครั้งดีกว่า” เด็กหนุ่มหน้าซื่อรับคำ ปากคอสั่นด้วยความประหม่าและตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พูดกับนักร้องระดับประเทศนาม รุ่งเพชร แหลมสิงห์ - นั่นเป็นงานของชมรมวิทยุอุบลฯ ซึ่งจัดเวทีแสดงดนตรีลูกทุ่งที่ทุ่งศรีเมือง งานนี้เชิญนักร้องชั้นนำมามากมาย อาทิ ชาย เมืองสิงห์ ,คัมภีร์ แสงทอง,รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ฯลฯ มีแฟนเพลงเข้ามาดูอย่างล้นหลาม และหนึ่งในผู้คนเรือนพันนั้น มีเด็กหนุ่มจากบ้านนาหมอม้าที่กำกระดาษเนื้อเพลงร่วม 10 เพลง จนเหงื่อซึม รวมอยู่ด้วยคนหนึ่ง - สลา ลุยฝ่าผู้คนไปถึงหลังเวที ชะเง้อมองนักร้องดังซึ่งกำลังนั่งพักอยู่อย่างตื่นเต้น แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ แม้มีเวลาพูดคุยไม่นานนัก แต่น้ำใจไมตรีที่นักร้องรุ่นใหญ่มีให้ก็ยังอบอวลในความทรงจำจนทุกวันนี้ ตอนนั้นเขาหวังเพียงแค่ได้พูดคุยกับศิลปินคนโปรดก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่นี้ยังได้รับความหวังเป็นกำลังใจแถมมาอีก ทำให้ปลาบปลื้มจนแทบทำอะไรไม่ถูกไปทั้งวัน - หลังจากนั้น สลาอัดเพลงที่แต่งร่วม 10 เพลง ใส่เทปส่งไปให้รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ตามที่อยู่ซึ่งให้ไว้ พร้อมกับรอคอยฟังผลด้วยใจระทึก - ดอกจานสีแดงร่วงหล่นจากลำต้นพร้อมเวลาที่สลาใกล้เรียนสำเร็จจาก ว.ค.อุบลฯ พอดี นักศึกษาปีสุดท้ายทุกคนต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นครูตามสาขาที่ร่ำเรียนมา ซึ่งนับว่าหนักหนาสาหัสไม่น้อย สลาสอบบรรจุครูได้ที่โรงเรียนบ้านไร่ขี เป็นโรงเรียนชนบทที่เงียบสงบและห่างไกลจากตัวเมืองพอสมควร ครูใหม่หนุ่มโสดคนนี้เป็นที่สนใจของชาวบ้านทั่วไปเพราะบุคลิกประจำตัวที่อ่อนน้อมรวมทั้งอัธยาศัยไมตรีอันดีทำให้ครูสลากลายเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านไร่ขีไปโดยปริยาย - เริ่มแรกที่ไปสอนนั้น บ้านพักครูในโรงเรียนค่อนข้างแออัดไม่สะดวกนัก สลาต้องอาศัยนอนในโรงเก็บของซึ่งอยู่ติดกับกำแพงวัดก่อน บรรยากาศที่นี่เงียบเชียบ และวังเวง เพียงเปิดหน้าต่างห้องก็จะเห็นที่ฝักศพ และเจดีย์ใน่กระดูกถนัดตา - มันเงียบเหงาจนบางวันเขานั่งน้ำตาซึมอยู่คนเดียว สิ่งที่พอคลายเหงาได้ก็มีเพียงจดหมายของเพื่อน ๆ และหญิงสาวคนรักในเมืองเท่านั้น ช่วงนั้นเขายอมรับว่ามีหญิงสาวที่เรียนจบมารด้วยกันนั่งอยู่ในหัวใจแล้วคนหนึ่งแม้จะเป็นแค่ความผูกพันแบบวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปก็ตาม เพิ่งห่างหันก็ช่วงมาเป็นครูนี่เอง - สลานั่งอ่านและเขียนจดหมายทุกวันด้วยความสุข การได้เขียนจดหมายบ่อย ๆ ทำให้ได้คิดค้นถ้อยคำต่างๆ ไปด้วยในตัว ความช่างคิดช่างฝันของครูหนุ่มสื่อผ่านในกระดาษจดหมายแผ่นแล้วแผ่นเล่า ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกคิดความหมายของคำในงานเพลงของเขา - สายลมวันเวลาโชยผ่านลำห้วยบ้านไร่ขี พร้อมความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น ความสัมพันธ์ของครูหนุ่มบ้านนอกกับหญิงสาวในเมืองเริ่มเหินห่างตามระยะทางที่ไกลกัน เขาคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมใหม่ในหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้น ครูหนุ่มโสดสำหรับบ้านนอกไกลๆ นับเป็นจุดเด่นไม่น้อยโดยเฉพาะกับสาวๆ ด้วยแล้ว หากเปรียบเทียบกับหนุ่มชาวบ้านธรรมดาก็ยิ่งเห็นข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน - ดวงจันเต็มดวงลอยเด่นเหนือท้องฟ้าสีหม่นในคืนลอยกระทงสายลมบางๆ หอบกระซิบความอ่อนหวานมาทักทายพร้อมกับกระทงใบตองขนาดกะทัดรัด ซึ่งสาวคนงามของหมู่บ้านทำมาฝากครูหนุ่ม - ประเพณีลอยกระทงในวัดไร่ขีจะเริ่มตอนหัวค่ำ ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านมาทำบุญร่วมกันเสร็จแล้วก็จะตั้งขบวนไปลอยกระทงในลำห้วย ซึ่งไกลออกไปราวหนึ่งกิโลเมตร ครูหนุ่มพาลูกศิษย์ตัวเล็กๆ เดินไปเป็นกลุ่ม มีสาวๆ ชาวบ้านเดินเมียงมองไม่ห่างหันนัก ภาพนั้นงดงามและชัดเจนในความรู้สึกจนไม่มีวันลิมไปได้ - กระทงน้อยของครูหนุ่ม ลอยตามลำห้วยบ้านไร่ขีไปช้า ๆ กลางเงาดวงจันทร์ซึ่งสะท้อนวับวามในแผ่นน้ำ ปลาตัวโตพลิกตัวจนผิวน้ำกระเพื่อมแผ่วงเป็นชั้นๆ ราวไม่มีที่สิ้นสุด ขับคลอด้วยเสียงแคนของนักเพลงพื้นบ้านบางคน ภาพนี้กลายเป็นเรื่องราวของบทเพลง กระทงหลงทาง ที่สร้างชื่อให้เขาในอีกหลายปีต่อมา - บรรยากาศของบ้านไร่ขี เป็นวัตถุดิบสำคัญที่สลานำมาใช้แต่งเพลงได้ตลอดเวลา กระจ่างชัดและนุ่มลึกกว่าช่วงเวลาใด ๆ ที่จะย้อนรำลึกได้ - ยามว่างเขาจะเข้าป่าหากะปอมหรือไม่ก็สอยไข่มดแดงมาทำลาบก้อยกับลูกศิษย์ตัวเล็ก ๆ เมื่อชาวบ้านไปหาปลาในลำห้วย ครูหนุ่มก็จะแบกแหตามไปด้วยอย่างสุขใจ - ล่วงเข้า 5 เดือนเศษๆ ที่มาใช้ชีวิตเป็นครู วันหนึ่ง ขณะนั่งซักผ้าอยู่คนเดียวก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งถือหนังสสือพิมพ์ไทยรัฐ วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา - “เฮ้ยสลานายชายเพลงได้แล้ว ข่าวไทยรัฐลงว่า รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ซื้อเพลงนายไปร้อง และเอาชื่อเพลงเป็นชื่ออัลบั้มด้วย โอ้ยดีใจด้วยนะ ”

แนวทางแต่งเพลงของครูสลา

แนวทางแต่งเพลงของครูสลา แนวเพลงที่เขียนกันอยู่ทุกวันนี้ อ.สลา แยกเป็นแบบนี้ - แนวอนุรักษณ์ - แนวก้าวหน้า - แนวใหม่ แนวกลาง ๆ แนวเก่า ทุกแนวที่กล่าวมา หัวใจของทุกแนวคือ ความไพเราะของเพลง ๆ นั้น ซึ่งจะตอบโจทย์ ของผู้ฟังที่ตั้งใจฟังเพลงได้ดีเพียงไร ทำอย่างไร เพลงถึงจะดี และจะไพเราะ 1.เคารพครูบาอาจารย์ ผู้อาวุโส ทุกคนที่เขียนเพลงไว้ท่านทั้งหลายคือครูเรา 2.เป็นนักฟังที่ดี ไม่มีอคติกับเพลงทุกชนิด ทุกแนว ฟังให้มาก ฟังแบบธรรมชาติ ฟังทุกสไตล์ 3.อย่าเชื่อมั่นตัวเองมากไป หรือดูถูกตัวเองมากไป แล้วทุก ๆ อย่างจะไม่พัฒนา 4.อย่ากลัวที่จะนำเสนอ และอย่าคลาดหวังอะไรมากกับผลที่จะตามมา วรรคทอง คือ เป็นคำง่าย ๆ แต่ งาม เช่น แต่งเพลงอย่างไรให้ 2 บรรทัดแรกให้ได้ใจความเลย เพลงจะประสบความสำเหร็จมากกว่า นำเพลงของครูเพลงที่ดีและดังมาวิเคราะห์หรือเรียกว่าการผ่าเพลง ตั้งคำถามว่า ทำไมคนชอบเพลงนี้ เราชอบเพลงนี้ - ชอบที่ตัวนักร้อง - ชอบเนื้อเพลง - เนื้อเพลงพูดถึงอะไร - คำไหนชอบที่สุด ฟังจนจบแล้วจดหรือจำไว้ว่าคำไหน ดี และชอบ - คำที่ดีนั้นวางไว้ตรงไหน ของท่อน - แล้วกลับไปดูงานของตัวเองที่เขียนไว้แล้วเปรียบเทียบกัน จะมองเห็นข้อดีข้อด้อยชัดขึ้น คำ กับ ทำนอง ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด มีสิ่งที่สำคัญอีกมาก - เรื่องที่นำมาเล่า ถ้าเป็นเรื่องเก่าต้องเป็นมุมมองใหม่ - เอาคำที่คิดว่าดี และโดนมาตั้งต้นแล้วหาเรื่องมาเล่าต่อ อาจจะดีหรือไม่ดี ก็ได้ - หาคำและทำนอง อย่าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ของคนอื่น จะทำให้ดูเสียราคา ควรหาใหม่ ๆ หรือก็อย่าให้คนฟังได้ยินแล้วไปนึกถึงทำนองของอีกเพลง - การเล่าเรื่อง การเขียนเพลงก็คือการเล่าเรื่อง อย่างเช่น เราเจอแรงบันดาลใจสิ่ งหนึ่งเข้า แล้วเก็บมาเล่า บางคนอาจเล่า เป็น หนัง กลอน เขียนเรื่องสั้น ถ้าเรื่องนั้นใหญ่หน่อย ก็ทำเป็นนิยาย แต่ก็อย่าไปบังคับข่มขืนเรื่อง ๆ นั้น ให้เป็นเนื้อเพลงทั้งหมดควรแยกว่าเรื่องนั้นน่าจะเล่าหรือเขียนเป็นอะไรดีกว่ากัน วิธีการเล่าเรื่องแบบเป็นเพลง - เขียนเป็นแนวทาง 1 2 3 4 1.ขึ้นต้นโดนใจ - เรื่องที่เจอมา ต้องตั้งชื่อก่อน - โดนใจด้วยถ้อยคำ -โดนใจด้วยทำนอง เช่นเอาเพลงเร็วมาทำช้า ช้าเป็นเร็ว - ถ้าขึ้นต้นโดนใจทั้งคำและทำนอง ก็จะได้เปรียบ ยกตัวอย่างเพลง เสียความรู้สึก ของสายัญ สัญญา - อาจจะเล่าเรื่องที่เป็นศิลปเพียว ๆ หรือ รวมกับแรงบันดาลใจ ก็จะดี ยกตัวอย่างเพลงที่ขึ้นต้นแล้วโดนทั้งคำและทำนอง คือ เพลง โชคดี ครับแฟน ของ ศรเพชร 2.เนื้อในต้องคมชัด เนื้อเรื่องเล่าต้องไม่วกไปเวียนมา ไม่ใช้คำที่ซ้ำกันมาก จะไม่ดี แบบนั้นเขา แสดวว่า ตันไปไหนไม่ได้ เช่นคำ หนอ หนา แต่ถ้าใข้แล้วทำให้เกิดเสน่ห์ก็พอ ใช้ได้บ้าง 3.ประหยัดคำในเนื้อใน คำทุกคำต้องมีความหมายในตัว ต้องทำงาน ต้องมี ประโยชน์ ไม่มีคำขี้เกียจ คือคำที่ไม่มีความหมาย คำที่เล่าต้องเล่าทั้งอารมณ์ ของคำด้วย และต้องคิดด้วยว่าคำ ๆนั้นสมควรนำมาเล่าหรือเปล่ามาใช้แล้วเหมาะ หรือเปล่า ควรศึกษากลอนแปดให้ดีและ ฝึกเขียนให้สัมผัสนอกใน สัมผัสระหว่างบท ต้องมี ถึงจะเป็นเพลงลูกทุ่งที่สมบูรณ์ 4.ให้คนฟัง ฟังแล้วคิดว่าเพลงนั้นเป็นเพลงของเขาเอง เช่นเรื่องที่ทุกคนฟังแล้วรู้สึกและซืมซับมันได้ทุกคน เช่นคงเคยได้ยินหรือเราเคยได้ยินเพลงแล้วพูดชึ้นว่า เพลงนี้เข้ากับตัวเองกับตัวเราจังเลย หรือ เข้ากับชีวิตเขา ชีวิตเรา นั้นคือเรื่องดี ๆ ทำให้คนฟังรู้สึกร่วมกับเรา 5.จบเรื่องราวอย่างประทับใจ คือคนที่หันมาฟังเพลงที่เราเขียน หรือเขาสนใจเพลงเราแล้ว จะต้องทำให้เขาได้รับความสุขความสมหวังที่ได้ฟัง จบด้วยความสุข ความหวัง หรืออาจจบด้วยคำถาม การจบของทำนอง ก็อยู่ที่ความลงตัว ว่าสมควรจะจบตรงไหน การเพลงต้องมีหลักอื่นอีก เช่น - คอนเซ็บ ของงาน ของเพลง ของนักร้อง - คำในใจ เช่นความสูญเสีย - เอาคำที่เป็นนามธรรม สามารถจับ แตะต้องได้ - การหาทำนอง อาจได้มาจากการฮัมออกมาก่อน แล้วบรรทึกไว้ นำไปใส่คอร์ด ถ้าเล่นดนตรีเป็น ก็มีคนเคยทำ ยังทำกันอยู่ - เล่าเรื่องพื้น ๆ ง่าย ๆ - หาคำหัว คำหางก่อนการเขียนก็ได้ - เขียนเพลงเป็นภาษาพูด หรือเขียนเพลงเป็นภาษาเขียน - แรงบันดาลใจ บริสุทธิ์ - ลูกลัก ลูกหลั่น ลูกโกงทำนองเพลง สรุป 1.หาเรื่อง จะได้เรื่องมาอย่างไร - จากการอ่านหนังสือ -จากการคุยกับเพื่อน คน รอบข้าง -จากการเดินทาง เพียงแต่ว่าเรื่องที่จะนำมาเขียนอย่านำมาทั้งดุ้น ต้องดัดแปลงบ้าง วัตถุดิบ จะได้มาจากการใช้ชีวิต ง่าย ๆ เพราะเพลงจะมาจากการใช้ชีวิตของผู้คน 2.การนำเพลงไปใช้ ใช้กับใคร ให้ใคร ขายใคร บริษัทมาตรฐานที่เขาเลือกใช้เพลงหรือนักแต่งเพลงกันอยู่มีดังนี้ - เอาตัวนักร้องเป็นหลัก แล้วเลือกเพลงให้ตรงกับนักร้อง เขาแต่งตัวอย่างไร นิสัย บุคคลิก เป็นอย่างไร แล้วจึงหาเพลง - เขาจะเอาเพลงจากนักแต่งเพลงของบริษัทก่อน เพราะมีบุญคุณกันอยู่ - เขาหาจากเพลงที่มีคนส่งเข้าไปให้เลือก บริษัทเคลื่อนตัวไม่มีหลักตายตัว - ติดต่อครูเพลงโดยตรง ขอซื้อเพลง นักแต่งเพลงหน้าใหม่จะถูกเลือกต่อเมื่อ 1.เพลงที่ส่งไป ฟังแล้วนำไปเป็นเพลงเต็งหรือเพลงโปรโมทได้ ดี พอเขาฟังแล้วโดน ใช่เลย นำไปอยู่ที่ 1 2 3 ของหน้าหนึ่งได้เลย 2.ต้องแต่งเพลงที่เขาฟังแล้วไม่เอาไม่ได้ เวลาเขียนเพลงตอนไหนดีที่สุด ไม่มีอะไรตายตัว ขอให้ออกมาดี และเพราะ - ให้เวลากับความคิดมากกว่าการเขียน -อย่าหยิบเอาเรื่องเขียนเร็วเขียนช้ามาเป็นข้ออ้าง - สุขภาพต้องดี - สมาธิต้องได้ - มีใจอยากเขียน มือถือเนี่ย ส่วนใหญ่เล่นกันในกลุ่มลูกทุ่งนะกิจ... เล่นมานานแล้วด้วยไม่เชื่อไปดูที่ห้อง artist ดิ.. ทีไอ้บ้าที่ไหนไม่ไรู้เอาเนื้อเพลงมาโชว์ เรื่องโทรศัพท์เหมือนกัน ผมพยายามเขียนเรื่อง email แต่มองๆดู เอ..... ลูกทุ่ง คงต้องรออีกสักพัก ไม่นานนักก็คงเขียนเรื่อง Email ได้ ทีนี้ว่าเรื่องเนื้อกันนะ ในความเห็นผมครับ จริงแล้วการเขียนเนื้อไม่ว่าแนวไหน หากจะให้มันโดนหรือมัน Mass ก็ต้องหยิบเรื่องราวที่เห็นกันชัดๆไม่เพ้อฝันมากนัก หากเป็นร๊อคก็อาจเขียนเรื่องราวที่มันแรงหน่อย ประชดประชันบ้าง อย่างเพลงของวงโง่เต็ม(ที่แตกไปแล้ว) เนื้อเพลงประชดประชัดนกันมันส์ดี แต่สะใจสะหูสะปากคนร้องและคนร้องตาม หากเพลง Pop (ตามสมัยนิยมที่เรียกกัน) ก็จะมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเล่นแบบนิ่มลงมาหน่อย คำพูดก็ดูมีฟอร์มเล็กน้อย อย่างเพลงของ Ottyfun ที่เคยเอาโพสไว้นานแล้วเน้อร้องที่ว่า อยู่ก็ู้เจ็บช้ำจากก็ปวดร้าว หรืออย่าง ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจอันนี้ผมว่ามันบอกความรู้สึกที่ว่า โอ้โห มันโดน... ตีหัวเต็มๆ หรืออาจจะมีคำศัพท์ในแต่ละยุค อย่างเพลงที่เอาใจวัยรุ่นก็จะเป็นอีกอย่าง คนโตหน่อยก็อีกอย่าง และสามารถแยกแยะได้ค่อนช้างชัดเจน -เพื่อชีวิตก็ต้องหยิบเรื่องราวสังคมโดยรวมมาตีแผ่หรือพวกความฝันจินตนาการ แบบกวีแต่หากต้องการ Mass หน่อยก็คงกวีมากไม่ได้ อย่างเพลงของพี่แอ๊ดหลายเพลง Mass มากๆ ในชุด Made in Thailand เพลง ราชาเงินผ่อน ตอนนั้น ใครฟังก็โห... นี่มันตูนี่หว่า (ก็ผ่อนของทั้งบ้าน )หากเพลงที่มีความหมายลึกๆ อย่าง ทะเลใจ เพลงนี้โดยส่วนตัวผมชอบวิธีเขียนของพี่แอ๊ดมากครับ ลองไปหาฟังดู -ลูกทุ่ง จะจินตนาการจากเรื่องราวจริงๆ เหตุกาณ์ที่คนทั่วๆจะประสพได้ตรงๆ โดยใช้คำพูดชัดเจนไม่อ้อมค้อมโดยมีวลีเด็ดๆ อย่าง กระเป๋าแบนแฟนทิ้ง ร้องเท้าหน้าห้อง รักจางที่บางปะกง สายเ่ดี่ี๋ยวเสียวหลุด ฯลฯ มาเขียนเป็นชื่อเพลงและเนื้อหา หรือไม่ก็ เอาเรื่องรันทดของชีวิตคนชั้นล่าง ผู้ใช้แรงงาน มาเขียน เพราะฐานคนฟังส่วนใหญ่จะเป็นพวกนี้ แม้ว่าบางคำอาจจะดูเชยๆในสายตาคนบางกลุ่มหรือแม้แต่คนเขียนเอง อย่างเพลงเกี่ยวกับ มือถือ ที่กิจพูดถึง ลูกทุ่งเยอะมากๆครับ แล้วแต่ละเพลงเขียนออกมา โห.... แค่เรื่องมือถือเรื่องเดียวก็เกือบร้อยเพลงแล้วล่ะ แต่ต่างกันที่มุมมอง แต่ที่ต่างจากเพลงแนวอื่นอย่างมากก็คือ เรื่องการเขียนคำสัมผัส ต้องถูกต้อง หนีได้ไม่มาก -ไม่ว่าจะเป็นแนวไหน ก็มีวิธีที่ต้องคิดและมองให้เห็นสิ่งที่จะเขียนทั้งนั้นครับ อาจจะนำเสนอสิ่งใหม่ๆเข้าไปได้บ้างไม่มากก็น้อย และยิ่งหากจะต้องการให้เพลงประสพความสำเร็จในแง่ของการตลาด ก็ต้องมองให้ขาดเลยว่าจะเล่นอะไรเป้าหมายคือใคร หากต้องการในแง่ของศิลปล้วนๆไม่สนเรื่องการตลาดล่ะก็ ใส่ไปเข้าเลยครับ สร้างออกมาให้สวยงามไม่ว่่าจะเป็นแนวคิดหรืออะไรต่างๆ